Thanks to Rubie , soompi.com
http://cinematoday.korea.com/2011/05/20-ko...the-front-line/
[20 KOREAN FILMS TO LOOK OUT FOR SECOND HALF OF 2011]
THE FRONT LINE
Defend the Land, but War is an Empty Dream
THE FRONT LINE
Directed by JANG Hoon
By BAI K Seung Chan
2010 was the 60th Anniversary of start of the Korean War, and numerous war films were planned to commemorate the event. However as it is with war films, tremendous funding was needed and only a few were actually materialized into films. Followed by last year’s 71-Into the Fire , and a small
piece In Love and the War is already released this year, but the ones that are heating up the scene is blockbuster The Front Line and My Way .
The Front Line is the third movie by JANG Hoon. Starting his career as KIM Ki-duk’s assistant director, he made his first debut in the spotlight with Rough Cut (2008), its screenplay was written by KIM Ki-duk. With his next movie Secret Reunion (2010), a commercial film completely out of KIM Ki-duk’s circle of influence, JANG succeeded to draw 5.4 million audiences to the theaters, becoming a star director.
A film that started from a suggestion made by distributor Showbox, who also distributed Secret Reunion , The Front Line will be a film testing JANG who successfully entered the world of commercial films, to see whether he can handle this US$10 million blockbuster steadily. If he does pull it off, it is highly likely his name will always come up when discussing Korean commercial films. The Front Line was set in 1953, when a ceasefire negotiation was in progress during the Korean War. As the negotiations came to a deadlock, the South and North engaged in a fierce battle to occupy as
much land as possible. Aerok Hills, a fictional location from the movie, was one of these places in battle that the South and North fiercely fought on. The South Korean Army and the People’s Army of the North Korea fought with their lives to reclaim this Hill, with the victor changing by the day.
In his previous two works, JANG did an excellent job in depicting friendship and duel between two men. In Rough Cut it had been an actor and a thug, while in Secret Reunion it had been a National Intelligent Service agent and a spy. This time it’s soldiers of the South and the North. In a bigger picture, confrontation of ‘two men’ has become confrontation of ‘two countries’. SHIN Ha-kyun and KIM Ok-bin from Thirst , GOH Soo from White Night as well as LEE David whose name is just beginning to be known for his role as the grandson in LEE Chang-dong’s Poem are main casts of the film. Screenplay was written by PARK Seong-yeon, who gained fame as the original writer of PARK Chan-wook film JSA: Joint Security Area and writer of popular TV drama ‘Seondeok Yeowang’.
Coincidentally, in 2010 while The Front Line was in the middle of its shooting, actual war clouds covered the Korean Peninsula. A Korean naval ship, the Cheonan sunk after being attacked by North Korea and Yeonpyeongdo, a small island in the western shore was bombed resulting in civilian
casualty. Director JANG is hush on the details of The Front Line . Nevertheless, he made it clear that “the message the film gives is simple. War should not occur, and it should not be an option.” He also added “I sure did think about whether it was right to make a war movie while a potential war could
have started at any time. Yet this movie was the only thing we could do. I decided to do my best in making it.”
A large portion of The Front Line was filmed at Baekam Mountain in Hamyang, Gyeongsangnamdo, a place that became barren after fire burnt down the trees in the spring of 2009. JANG explains there were no such thing as routes for staffs and actors to climb at first but a new path was made after months of shooting the crew walking back and forth. The desolate image of the burnt-down hills gives us some idea of what kind of color The Front Line will be. It is one of the film’s goals to show the ‘Korean’ colors of the earth and sky, nothing like the monotones we saw in the film Saving Private Ryan .
The Front Line is already pre-sold to Germany, UK and Thailand. A film where soldiers of the North and South become entangled, bullets, grenades, bombs and American bomber planes flying overhead, The Front Line is to be released in Korea at the end of July or early August, distributed by Showbox.
Gojijeon ( The Front line ) preview clip has been released .
Pls see the link
http://nbbs3.sbs.co.kr/index.jsp?cmd=read&...18761&page_no=5
Credit with Thanks to Elsie and Salmint
Thai traslation : Petra/Panjan
เพื่อปกป้องแผ่นดิน สงครามคือความฝันที่ว่างเปล่า
THE FRONT LINE แนวรบด้านหน้า
กำกับ โดย จาง ฮุน
บทความ โดย BAI K Seung Chan
ปี 2010 เป็นปีครบรอบปีที่60 ของการเริ่มต้นของสงครามเกาหลี มีภาพยนตร์มากมายหลายเรื่องที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น
ยังไงก็ตามเพราะเป็นหนังสงคราม จึงต้องใช้ทุนสร้างมหึมา
และมีเพียงไม่กี่เรื่องที่สร้างและใส่ความสมจริงลงไปในหนังได้ เมื่อปีที่แล้ว มีเรื่อง 71-Into the Fire
และมีส่วนเล็ก ในเรื่อง In Love and the War ซึ่งออกฉายไปแล้วในปีนี้
แต่ยังมีบางเรื่องที่กำลังพุ่งรุ่งแรง ที่จะเป็นหนังที่ทำรายได้สูง คือ The Front Line และ My Way
The Front Line นี้เป็นผลงานภาพยนตร์ เรื่องที่ 3 ของ ผู้กำกับ จาง ฮุน ผู้ที่เริ่มอาชีพนี้ ด้วยการเป็นผู้ช่วยของ
คิม กี ดุ๊ก จางเป็นผู้กำกับเต็มตัว ด้วยเรื่อง Rough Cut (2008), ที่เขียนบทภาพยนตร์ โดย คิม กี ดุ๊กนั่นเอง
หนังเรื่องต่อมา คือ Secret Reunion (2010),ซึ่งเป็นหนังที่หลุดพ้นจากอิทธิพลวงจร ของ คิม กี ดุ๊ก โดยสิ้นเชิง
จางประสพความสำเร็จอย่างท่วมท้น จากยอดคนดูหนัง 5 .4 ล้านคน เขากลายเป็น ผู้กำกับระดับดาราไปทันทีนับแต่นั้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รับการเสนอให้สร้างจาก บริษัทผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ Showbox,
ซึ่งเป็นบริษัท ที่จัดจำหน่าย Secret Reunion ด้วยเหมือนกัน The Front Line จะเป็นภาพยนตร์ ที่ทดสอบจางที่เคยประสพความสำเร็จอย่างสูงมาก่อน
เป็นบทพิสูจน์ว่า เขาจะรักษายอดรายได้ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ เอาไว้ได้หรือไม่
ถ้าเขาทำสำเร็จ ชื่อของเขา จะถูกยกขึ้นกล่าวขาน ทุกครั้งที่มีการพูดถึงวงการภาพยนตร์ของเกาหลี
The Front Line กล่าวถึง ปี 1953 เมื่อการเจรจาสงบศึกกำลังดำเนินอยู่ ในระหว่างสงครามเกาหลี
การเจรจาอยู่ในสถานการณ์
ที่ตกลงกันไม่ได้เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน ทหารฝ่ายใต้ และฝ่ายเหนือยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงดินแดน เนินเขา แอร็อค ( Aerok Hills)
เป็นสถานที่ในภาพยนตร์ เป็นที่หนึ่งในหลายๆที่ที่เป็นสนามรบที่ดุเดือด กองทัพบกเกาหลีใต้
และกองทัพประชาชนของเกาหลีเหนือ สู้รบอย่างพลีชีพถวายชิวิตเพื่อดินแดนแห่งนี้
และผู้ชนะก็สลับผลัดเปลี่ยนกันไปทุกวัน (เช่นวันนี้ ใต้ยึดได้ แต่พรุ่งนี้ เหนืออาจจะมาตียึดคืนไป)
ในงาน 2 เรื่องก่อนของ จาง เขาสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในการเสนอภาพของมิตรภาพระหว่าง ชาย 2 คน
ใน Rough Cut เป็น ชายหนุ่ม นักแสดงคนหนึ่ง กับ อันธพาลอีกคน ส่วนใน Secret Reunion ก็เป็น นักสืบจากหน่วยสืบราชการลับ กับ สายลับ
คราวนี้ เป็นทหารของ ฝ่ายใต้ และเหนือ
ในภาพใหญ่ การเผชิญหน้ากันของ "ผู้ชาย 2 คนนี้ " กลายเป็นเหมือนการเผชิญหน้าของ" 2 ประเทศ "
ชิน ฮา กุน และ คิม อ๊อก บิน จากเรื่อง Thirst
โกซู จาก White Night และ ลี เด วิด ชื่อนี้เพิ่งจะเป็นที่รู้จัก ในฐานะผู้รับบทหลานชาย LEE Chang-dong’sPoem
เขาเหล่านี้เป็นนักแสดงหลักของหนัง PARK Seong-yeon รับหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์
เขาคนนี้เป็นคนที่มีชื่อเสียงจาก การเขียน Joint Security Area และละครทีวี Seondeok Yeowang’.(ราชินี ซอนด๊อก)
บังเอิญเหลือเกินที่ เมื่อปี 2010 ขณะที่The Front Line อยู่ในระหว่างการถ่ายทำ ได้เกิดเหตุวิกฤตขึ้นที่คาบสมุทรเกาหลี
เรือดำน้ำ โชนัน (Cheonan) ของเกาหลีใต้ถูกเกาหลีเหนือ ยิงจมลง
และเกาะ ยอนพยอง (Yeonpyeongdo )ก็ถูกยิงถล่มจนมีพลเรือนเสียชิวิต
ผู้กำกับจางนิ่งเงียบในเรื่องข้อมูลของหนัง และในที่สุด เขาก็ออกมาให้ความกระจ่างว่า
เรื่องราวของหนังเป็นเรื่องราวธรรมดาๆ ง่ายๆ สงครามไม่ควรจะเกิดขึ้น
และมันคงจะไม่ใช่เป็นสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดสงคราม เขากล่าวเพิ่มเติมว่า
"ผมคิดทบทวนอย่างหนัก ว่ามันถูกต้องหรือเปล่า ที่มาทำหนังสงคราม ในช่วงเวลาที่มีแนวโน้มว่า
สงครามอาจจะเกิดขึ้นเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นสิ่งเดียวที่เราจะทำได้
ผมตัดสินใจที่จะทำมันอย่างสุดความสามารถของผมครับ"
โลเคชั่นของหนังส่วนใหญ่ ถ่ายทำที่ภูเขา เบคคัม ใน ฮัมยาง เคียงซังนัมโด
เป็นเนินเขาแห้งแล้ง หลังจากถูกไฟป่าเผาเมื่อฤดูใบไม้ผลิ ปี 2009
จางอธิบายว่า ภาพความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้าง
ของเนินเขา ที่ถูกไฟไหม้ ทำให้เราได้ไอเดียว่า โทนสีของหนังควรจะเป็นสีอะไร
มันเป็นจุดมุ่งหมายอันหนึ่งของหนังที่จะโชว์ สีของพื้นดินและแผ่นฟ้าแบบเกาหลี
ไม่เหมือนสีของหนัง Saving Private Ryan ที่เราเคยดู
The Front Line ถูกขายไปแล้วให้กับ เยอรมัน อังกฤษ และไทย เป็นหนังที่ทหารของฝ่ายเหนือและใต้ เข้ามาพัวพันเกี่ยวข้องกัน
ในท่ามกลาง ลูกปืน ปืนไรเฟิล ระเบิด และ ฝูงบินทิ้งระเบิดของทหารอเมริกันที่กำลังบินอยู่เหนือศีรษะ
The Front Line มีกำหนดออกฉายในเกาหลี ปลายเดือน July หรือ อาจจะ ต้นเดือนAugust
จัดจำหน่ายโดย Showbox
No comments:
Post a Comment